รับจ๊อบงานพิเศษแรงผลักดัน

รับจ๊อบงานพิเศษ

ความคาดหวังในการรับจ๊อบงานพิเศษที่มีความชัดเจนอย่างมีประสิทธิภาพ หลายคนมีความคาดหวังอยากร่วมงานกับองค์กรที่มีคุณภาพ โดยอาจจะมีการศึกษาข้อมูลขององค์กรนั้นๆ แล้วเบื้องต้น สำหรับงานวิจัยในปัจจุบันนี้มีการสำรวจผลความต้องการและความคาดหวังของผู้สมัครงานที่มีผลต่อการยื่นใบสมัคร ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทำให้ทิศทางการทำงานในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไป คนหางานส่วนใหญ่มักจะคาดหวังในเรื่องของความก้าวหน้า การเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง ฐานเงินเดือนและสวัสดิการที่มีความมั่นคงตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าไปร่วมงานกับองค์กรนั้นๆ เลย

นอกจากนี้กระบวนการในการทำงานที่จัดเจนจะช่วยให้ผู้สมัครงานเข้าใจถึงบทบาทหน้าที่ในการทำงานได้อย่างถูกต้อง ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าคนยุคใหม่มีความคาดหวังการทำงานในรูปแบบที่สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานเพื่อช่วยเสริมให้การทำงานนั้นๆ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งทุกวันนี้จะเห็นได้ว่าพฤติกรรมในการใช้เทคโนโลยีร่วมกับการทำงานมีทิศทางที่เปลี่ยนไป และเริ่มมีบทบาทสำคัญมากยิ่งขึ้น บางครั้งเทคโนโลยีบางอย่างเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ทำให้คนทำงานต้องหัดเรียนรู้วิธีการใช้งานให้เป็น หรืออาจจะลองฝึกฝนหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อช่วยให้งานของคุณนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

การใช้จิตวิทยาควบคู่กับการทำงาน

  1. คิดบวก (Positive Thinking) แนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือการปรับรูปแบบแนวคิดเกี่ยวกับการทำงานให้เป็นเชิงบวก เมื่อคุณมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน ก็จะช่วยให้ตัวคุณเองมีความสุขในการทำงานมากยิ่งขึ้น เมื่อคุณได้ทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเหมาะสม ก็จะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นไอเดียใหม่ๆ ในการทำงานได้ รวมถึงสามารถนำไอเดียหรือแนวคิดใหม่ๆ มาปรับใช้กับการทำงานในปัจจุบันได้ แต่สิ่งสำคัญคือคุณจะต้องเปิดกว้างยอมรับมุมมองใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นมา และเตรียมพร้อมในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
  2. มีความสามัคคี (Compromise) ในสังคมของการทำงานความสามัคคีของคนในองค์กร ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยนำพาให้องค์กรของคุณมีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ ในทุกองค์กรต้องยอมรับว่ากำลังคนถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนองค์กรให้มีความก้าวหน้าไปในทิศทางที่มีความเหมาะสม ตามที่ได้มีการวางแผนเอาไว้ ซึ่งงานแต่ละงานจะสำเร็จไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือในการทำงานจากทุกฝ่าย จึงเห็นได้ว่าบทบาทหน้าที่ในการทำงานของทุกฝ่ายนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมากไม่ควรที่จะมองข้าม
  3. มีรอยยิ้ม (Smile) การทำงานร่วมกันกับคนหมู่มาก การแสดงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าถือเป็นสิ่งสำคัญ การติดต่อประสานงานการแสดงออกผ่านทางรอยยิ้มให้ผู้รับสื่อเห็นความจริงใจของคุณ จะทำให้บรรยากาศในการทำงานนั้นราบรื่นตามไปด้วย
  4. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี (Relation) การที่คุณรู้จักพูดคุยหรือสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในองค์กร ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงานถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้การทำงานของคุณสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบตัว จะทำให้ใครเห็นก็ต่างรัก ต่างเอ็นดูคุณ เมื่อคุณติดปัญหาหรือพบอุปสรรค์ก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
  5. ให้ความช่วยเหลือ (Help) การทำงานร่วมกันในสังคมที่มีคนเป็นจำนวนมาก การแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่เหมาะสมจะทำให้คุณได้เรียนรู้เทคนิคการทำงาน และช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานในองค์กร ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ในการทำงานส่วนใหญ่มักจะมีการติดต่อประสานงานในแผนกหรือในฝ่ายอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีหรือการคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะช่วยให้งานที่ทำนั้นมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น หลายคนเมื่อมีการปรับเปลี่ยนไปยังองค์กรใหม่ๆ สิ่งสำคัญคือการปรับตัวให้เข้ากับคนกลุ่มใหม่ บางครั้งเราอาจจะมีความเคยชินกับนิสัยหรือพฤติกรรมในการทำงานแบบเดิมๆ จากบริษัทเก่า แต่เมื่อเราได้มีโอกาสได้ก้าวมาทำงานที่ใหม่ ก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งในการทำงาน

 

ดังนั้นเมื่อคุณได้มีโอกาสก้าวเข้าไปทำงานร่วมกับองค์กรแล้วนั้น สิ่งที่สำคัญเลยคือคุณจะต้องมีพฤติกรรมที่มีความเหมาะสมต่อการปฏิบัติงานและต่อองค์กรด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การหาความรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการทำงานแล้วนั้น ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้คุณภาพชีวิตในการทำงานดียิ่งขึ้น คนเราถ้าไม่หันเรียนรู้หรือเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ เข้ามาก็จะไม่สามารถมองเห็นแนวความคิดที่หลากหลายออกไป